วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 14
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

สาระ
(เรียนชดเชย เรื่อง แผนการจัดประสบการณ์) 

     - ตัวสรุปเป็นตัวหลักในการคิด
     - สิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตมีลักษณะที่แตกต่างกัน
     - การเจริญเติบโตคือ ระบบกล้ามเนื้อ , การประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อมือกับตา
       > การเคลื่อนไหว
     - ด้านอารมณ์ > การแสดงออกทางความรู้สึก . การรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น
     - ด้านสังคม  > การมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น / คุณธรรม จริยธรรม
     - ด้านสติปัญญา > การคิด / การคิดสร้างสรรค์
                               > ภาษา
     - บูรณาการทักษะรายวิชา > ภาษา / การฟังนิทาน , ฟังเพลง , ฟังคำคล้องจอง
                                              > การพูด
                                              > การเขียน
     - การนำภาพมาติด เราเรียกว่า "การจัดหมวดหมู่"
     - อาจารย์ให้แต่ละกลุ่มคิดแนวคิดในการเขียนแผนของกลุ่มตัวเอง


ทักษะ
     - ทักษะการฟัง

     - ทักษะการคิดวิเคราะห์

     - ทักษะการตอบคำถาม

     - ทักษะการใช้หลักการ


การนำความรู้ไปประยุกต์
     สามารถนำแบบตัวอย่างของการเขียนแผนไปใช้เขียนในรายวิชาอื่นๆได้ เพื่อที่จะนำไปเป็น
แนวทางในการสอนในอนาคตได้


เทคนิคการสอนของอาจารย์
      อาจารย์สอนโดยการยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจน และได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้คิดวิเคราะห์
และใช้เหตุผลในการตอบคำถามด้วย


ประเมินอาจารย์ผู้สอน
     อาจารย์เตรียมเนื้อหาการสอนมาได้ดีและครบถ้วน อาจารย์เป็นกันเอง เข้าใจนักศึกษาทุกคน








บันทึกการเรียนครั้งที่ 13
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559


          เมื่อมาถึงห้องเรียนอาจารย์ก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาจังหวะรอเพื่อนๆ มาครบทุกคน 
อาจารย์ได้พูดเกี่ยวกับเรื่อง บล็อกส่งงานและเรื่องการสอบปลายภาค หลังจากที่เพื่อนๆ มาครบแล้วอาจารย์ก็ให้เริ่มนำเสนอผลงานนิทานของแต่ละกลุ่ม

สาระ

การนำเสนอผลงงาน "นิทาน"

กลุ่มที่ 1
เรื่อง กล้วยน้อยช่างคิด



(นำหน่วยของกล้วยมาแต่งนิทาน)



กลุ่มที่ 2
เรื่อง หนูจินสอนเพื่อน


(นำหน่วยของ ของเล่นของใช้มาแต่งนิทาน)



กลุ่มที่ 3
เรื่อง ประโยชน์ของผลไม้


(นำหน่วยของผลไม้มาแต่งนิทาน)



กลุ่มที่ 4
เรื่อง หนูน้อยกับรถคู่ใจ (หัวข้อของ การดูแลรักษา)



(นำหน่วยของยานพาหนะมาแต่งนิทาน)


การนำเสนอ

สรุปวิจัย



เรื่อง การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะ                     สร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้  ผู้วิจัย คมขวัญ   อ่อนบึงพร้าว
นำเสนอโดย นางสาวยุคลธร ศรียะลา

* เครื่องมือ
      1. แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
      2. แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
* เวลา 
       09 : 00 - 09 : 45 น.
* เด็กที่ใช้ในการทดสอบ
       อนุบาล 3  ใช้หน่วยต่างๆรอบตัวทดสอบ 8 สัปดาห์  สัปดาห์ละ 3 เรื่อง
* การประเมิน
       1. สังเกตจากกิจกรรมที่เด็กทำ


ทักษะ
     - ทักษะการพูด

     - ทักษะการนำเสนอ

     - ทักษะการฟัง

     - ทักษะการแต่งนิทาน

     - ทักษะการวิเคราะห์

     - ทักษะการนำมาประยุกต์ใช้


การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
     นำความรู้ที่ได้รับเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะต่างๆ มาเป็นแนวทางในการเรียนการสอน และยังสามารถ
นำแบบการแต่งนิทานไปใช้เป็นสื่อการสอนในอนาคตได้


เทคนิคการสอนของอาจารย์
     อาจารย์สอนโดยการให้ข้อคิดข้อเสนอแนะโดยการใช้คณิตศาสตร์สอดแทรกเข้ามาในการเรียน
การสอน สอนแบบเข้าใจง่าย


ประเมินอาจารย์ผู้สอน
     อาจารย์เป็นกันเอง พูดคุยได้สะดวกไม่เกร็ง 









วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 12
วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

การนำเสนอ
สรุปวิจัย

เรื่อง ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
นำเสนอโดย นายอารักษ์ ศักดิกุล

          การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง  เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการทํากิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ ทั้งนี้เพื่อเป็น
ประโยชน์และเป็น แนวทางสําหรับครู ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาปฐมวัย 
ในการพิจาณาเลือกกิจกรรม ที่จะช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์แก่เด็กปฐมวัย
ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งมีลําดับขั้นตอน ของการวิจัยและผลของการวิจัย โดยสรุป ดังนี้
 
ความมุ่งหมายของการวิจัย 
        เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการ
จัดกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ ได้แก่ การสังเกต เปรียบเทียบ จำแนก จัดหมวดหมู่

กลุ่มตัวอย่าง   
       กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง ที่มีอายุ 3 – 4 ปี ซึ่งกําลัง
ศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่  
สังกัด สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน  จํานวน  20 คน
       
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบเป็นกิจกรรมที่ใช้ขนมอบประเภทต่างๆ ในการทํา
กิจกรรม เช่น ขนมปัง คุกกี้ เค้ก ฯลฯ ซึ่งในการทํากิจกรรมเด็กสามารถเลือกทําได้ตาม
ความสามารถ และความสนใจ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ 
จากการใช้ประสาทสัมผัสในการทํากิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ ทั้งนี้ยังฝึกฝน
เรื่องการสังเกตและการจําแนก การเปรียบเทียบ การจัด หมวดหมู่ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นโดย
ยึดหลักของการทํากิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ตามคู่มือหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย 2546
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ตลอดจนการยึด 
ตามความเหมาะสมสอดคลองกับพัฒนาการและความสนใจของเด็กเป็นหลัก

แผนการสอน
ชื่อกิจกรรม  ขนมปงแผนแตงหนา  

จุดประสงค
       1. เพื่อใหนักเรียนไดพัฒนาการใชกลามเนื้อเล็กและการประสานสัมพันธระหวางมือกับตา  
       2. เพื่อใหนักเรียนไดฝกการรับรูประสาทสัมผัส  
       3. เพื่อใหนักเรียนไดรูจักสีแดง  สีขาว  สีเขียว  สีชมพู  
       4. เพื่อใหนักเรียนไดฝกทักษะการสังเกตและการจําแนก  เปรียบเทียบ  จัดหมวดหมู  
       5. เพื่อใหนักเรียนไดสงเสริมการแสดงออก  
       6. เพื่อใหนักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน

เนื้อหา    ขนมปงแผนแตงหนา

     กิจกรรมการเรียนรู  

ขั้นนํา  (กระตุ้นเด็ก)
      1. นักเรียนและครูสนทนารวมกันคิดหาคําตอบจากปริศนาคําทาย อะไรเอย เปนแผน  
          สีขาว  นิยมทานคูกับแยม    
      2. นักเรียนและครูสนทนารวมกัน  ดังนี้     
          2.1 ขนมปงมีลักษณะอยางไร  มีสีอะไร     
          2.2 ขนมปงมีสีอะไร  รสชาติเปนอยางไร  มีใครเคยทานบาง     
          2.3 นักเรียนคิดวาขนมปงทํามาจากอะไร     
          2.4 นักเรียนคิดวาขนมปงมีประโยชนไหม  และมีประโยชนอยางไร  

ขั้นสอน   
      1. เด็กเลือกหยิบอุปกรณตามความสนใจของตนเอง  
      2. เด็กทํากิจกรรมตามความสนใจ โดยการนําขนมปงแผนรูปทรงตางๆ แยมผลไม  
          เกล็ด  ช็อกโกแลต มาโรยหนา ทา วาด เขียน เพื่อสรางชิ้นงานตามความคิด
          และจินตนาการของตนเอง   
      3. เมื่อทํากิจกรรมเสร็จแลวใหนําชิ้นงานวางบนถาดรองไปจัดรวมกันไวที่หนาชั้นเรียน   
      4. เด็กชวยกันเก็บของ  ทําความสะอาดใหเรียบรอย

ขั้นสรุป   
      1. นักเรียนนําเสนอผลงานของตนเองและสนทนารวมกับครู  ดังนี้    
          1.1 นักเรียนใชขนมปงรูปทรงใดบางมาทํากิจกรรม    
          1.2 ในชิ้นงานของนักเรียนมีอะไรที่เหมือนกัน  และอะไรที่ตางกัน  ตางกันอยางไร    
          1.3 ขนมปงของนักเรียนมีอะไรซอนอยูขางใน    
          1.4 นักเรียนคิดวาระหวางแยมผลไม กับเกล็ดช็อกโกแลต และขนมปง ตางกันหรือ 
                เหมือนกันอยางไรบาง  

สื่อการเรียน  
       1. ขนมปงแผนรูป  
       2. แยมผลไมบรรจุในถุง 3สี  คือ  แยมสม  แยมสตอเบอรี่  แยมบลูเบอรรี่  แยมสัปปะรด 
       3. เกล็ดช็อกโกแลต  
       4. ถาดรองสําหรับวางชิ้นงาน  
       5. ผาพลาสติกปูโตะ  
       6. ถาดสําหรับใสขนม  

การประเมินผล  
       1. สังเกตการทํากิจกรรมและการสนทนา  
       2. สังเกตพฤติกรรมขณะเด็กทํากิจกรรม   

สาระ 
     - การแนะนำอุปกรณ์ เป็นการจัดลำดับขั้นตอนการทำกิจกรรม
     - การลงมือปฏิบัติโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก


การนำเสนอแผนการสอนแต่ละหน่วย



หน่วย ยานพาหนะ

        สอนเรื่อง ประเภทของยานพาหนะ มี 3 ประเภท คือ ทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ



หน่วย ของเล่นของใช้

           สอนเรื่องประเภทของเล่นของใช้ คือ มี 2 ประเภทได้แก่ ของเล่น และของใช้




หน่วย ผลไม้

               สอนเรื่องชนิดของผลไม้ ที่ยกมาวันนี้คือผลไม้ 2 ชนิด มะยงชิด กับองุ่น




หน่วย กล้วย

           สอนเรื่องชนิดของกล้วย ที่ยกมาวันนี้คือ กล้วย 2 ชนิด ได้แก่ กล้วยหอมทอง
และกล้วยน้ำว้า 




ทักษะ
     - ทักษะการสอน

     - ทักษะการฟัง

     - ทักษะการคิดวิเคราะห์

     - ทักษะการพูด

     -ทักษะการแสดงออก

     - ทักษะการใช้เหตุผล

     - ทักษะการสังเกต



การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
      การเรียนการสอนในวันนี้ สามารถนำข้อมูลที่ได้รับไปต่อยอดหรือเป็นแนวทางในการสอน
หรือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเขียนแผนการสอนในอนาคตและชีวิตประจำวันได้
     การแนะนำของครู สามารถจดจำและนำไปปรับปรุง เชื่อมโยง ให้งานออกมาได้เสร็จสมบูรณ์
และครบถ้วน

เทคนิคการสอนของอาจารย์
      - อาจารย์โดยให้ข้อคิดและคำแนะนำ
      - อาจารย์สอนโดยยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน
      - อาจารย์สอนโดยให้จำลองสถานการณ์จริง
      - อาจารย์สอนโดยมีหลักการ

ประเมินอาจารย์ผู้สอน
     อาจารย์ตรงต่อเวลาในการสอน เตรียมเนื้อหาการสอนมาเป็นอย่างดี รับฟังข้อคิดเห็น
และให้ข้อคิดที่ดีกับนักศึกษา



     
บันทึกการเรียนครั้งที่ 11
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

การนำเสนอ

สรุปบทความ

เรื่อง คณิตศาสตร์กับชีวิต
นำเสนอโดย นางสาวชื่นนภา เพิ่มพูล

         “จุดมุ่งหมายของการศึกษาในอดีตจะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนการสอนในช่วงต้น
รัตนโกสินทร์คือระหว่างปี พ.ศ. 2325-2426 นั้นประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียน แต่มีการเรียนกัน
ที่วัดหรือที่บ้าน ความมุ่งหมายในสมัยนั้นคือ การให้สามารถ อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขได้ นอกจากนั้นอาจมีการเรียนช่างฝีมือกันที่บ้าน...” (ทิศนา แขมณี: ศาสตร์การสอน29)
         จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ 
และถ้าจะค้นหาลึกลงไปนั้นในสมัยโบราณก็คงจะมีการใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน 
ในสังคมให้ความสำคัญกับการคำนวณ การเปรียบเทียบด้วยตัวเลข เปรียบเสมือนกับเป็นสิ่ง
ที่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของบุคคลต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของสังคม 
หรือต่างชนชาติกันก็ตาม คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสากล ได้แก่การบวก ลบ 
คูณ หาร และในความเชื่อที่ว่าคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีรูปแบบ
และขั้นตอนมาตรฐาน ดังนี้คือ
        1. หาสิ่งที่ต้องการทราบ
        2. ว่างแผนการแก้ปัญหา
        3. ค้นหาคำตอบ
        4. ตรวจสอบ
         
         จากขั้นตอนทางคณิตศาสตร์นี้เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดกระบวนการ
เรียนรู้ที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือน
การแก้ปัญหาสิ่งๆหนึ่งโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อหาข้อค้นพบ
และสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้อย่างมีระบบ ระเบียบ
          จะเห็นได้ว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันเพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคคลในสังคมให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น 
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การคำนวณสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐาน
ในการหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดชิ้นงานต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อสิ่งที่บุคลต้องการให้
เป็นไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากข้อความข้างต้น
จะเสนอความสอดคล้องของคณิตศาสตร์กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
          การซื้อขายของ เป็นการใช้หลักคณิตศาสตร์พื้นฐานได้แก่ การคำนวณในเรื่อง
ของต้นทุน และการได้กำไร การกำหนดราคาเพื่อการตีค่าของราคาที่จะขายเพื่อให้เกิดกำไร 
ซึ่งเกี่ยวข้องหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นในการดำเนินการซื้อขาย  นอกจากนนี้ยังมีการ
ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของการใช้หลักคณิตศาสตร์ในการควบคุม
การทำงาน
          การสร้างที่อยู่อาศัย เป็นการคำนวณอัตราส่วนของพื้นที่ในการการปลูกสิ่งปลูกสร้าง 
ในที่นี้ขอยกตังอย่างการสร้างที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การคำนวณหาพื้นที่ในการสร้าง 
โดยหลักการวัดพื้นที่ (กว้าง x ยาว) จากนั้นต้องมี่การคำนวณโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้าง
ต่างๆได้แก่ ปูน หิน ทราย ไม้กระเบื้องและอื่นๆที่เป็นสวนประกอบของการสร้างที่อยู่อาศัย 
โดยการผสมปูน ได้แก่การคำนวณอัตราส่วนของส่วนผสมในการสร้างบ้าน ซึ่งแตกต่างกัน
ในการใช้งานเช่น พื้นปูนอาจมีการผสมให้มีความหยาบเพื่อใช้เป็นฐานของโครงบ้าน 
การฉาบอิฐจะต้องมีการละเอียดของปูนเพื่อให้เกิดการยึดแน่นของอิฐกับปูนเพื่อให้เกิด
ความแข็งแรงและสวยงาม เป็นต้น
          การเงินการธนาคาร เป็นการออมทรัพย์เพื่อให้เกิดความความมั่นของชีวิต มีการคำนวณดอกเบี้ย ผลกำไร การปันผล การแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมีวิธีจูงใจผู้ฝากในรูปแบบต่างๆเช่น การออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ ซึ่งมีการให้ดอกเบี้ยแตกต่างกันไป ขึ้นกับแต่ละธนาคารว่าจะให้ผลประโยชน์กับผู้ฝากอย่างไรและผู้ฝากเป็นผู้ตัดสินใจในการใช้บริการทางการเงินกับธนาคารใด
         ทางการศึกษา เป็นการคำนวณหาค่าต่างๆทีเกี่ยวข้องกับการให้คะแนน วิจัย 
การทดลองโดยใช้ค่าทางสถิติเพื่อให้เกิดข้อค้นพบต่างๆในเชิงปริมาณเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


สรุปวีดีโอ

เรื่อง การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย   
       ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี  ไสยวรรณ
นำเสนอโดย นางสาวสุดารัตน์ อาจจุฬา

         การเรียนรู้เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขาหรือไม่คำตอบของคำถามข้างต้น
นั้นคือ "ไม่ยากหรอกค่ะ" ถ้าเรารู้จักเนื้อหาและวิธีในการส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์
ให้กับเด็ก ซึ่งเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากสิ่งรอบตัวเด็กนี่เอง... 
        ทักษะทางคณิตศาสตร์ คือ ? ก่อนที่จะค้นหาวิธีส่งเสริมต่างๆ ให้กับเด็ก เราควรจะรู้ว่า
ทักษะทางคณิตศาสตร์นั้นหมายถึง เรื่องอะไรบ้าง   เริ่มได้เมื่อไหร่ดี .... การเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กแต่ละวัยย่อมแตกต่างกันไปเราสามารถส่งเสริมเนื้อหาทาง
คณิตศาสตร์ได้ทุกด้านแต่ต่างกันตรงวิธีการค่ะสำหรับเด็กวัย 3- 4 ขวบ จำเป็นต้องเรียน
คณิตศาสตร์ผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากเพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม 
เช่น ให้เด็กสามขวบ ดูตัวเลข 2 กับ 3 แล้วเอาเครื่องหมายมากกว่าน้อยกว่าไปให้เขาใส่
 เขาก็จะงงแน่นอน ว่า เจ้าสามเหลี่ยมปากกว้างนี้คืออะไร เด็กวัยนี้การเรียนเรื่องจำนวนตัวเลข 
ต้องผ่านสิ่งของที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่ถ้าเป็นพี่ 5 หรือ 6 ขวบ จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่
เป็นนามธรรมหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้แล้ว เรียนรู้ได้จากสิ่งใกล้ตัว
        คณิตศาสตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา ในแต่ละวันเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ 
วเลข จำนวน รูปทรงเรขาคณิต การจับคู่ การแยกประเภท ฯลฯ เช่น
       -การตื่นนอน (เรื่องของเวลา)
       -การแต่งกาย (การจับคู่เสื่อผ้า)
       - การรับประทานอาหาร (การคาดคะเนปริมาณ)
       - การเดินทาง(เวลา ตัว เลขที่สัญญาณไฟ ทิศทาง)
       - การซื้อของ (เงิน การนับ การคำนวณ) ฯลฯ

       เชื่อหรือยังคะว่าคณิตศาสตร์มี อยู่จริงในชีวิตประจำวัน   กิจกรรมใด ๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการวางแผน การจัดแบ่งหมวดหมู่ จับคู่ เปรียบเทียบ หรือ   เรียงลำดับ ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น   
การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัด กิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาส 
ให้ได้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ผ่านการเล่น การได้สัมผัส ได้กระทำ จากการมีปฏิสัมพันธ์
กับเพื่อนและ   ผู้ใหญ่ เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่
อยู่ไกลตัวการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร  การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร 
ควรเน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 7 ด้าน

          ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยมี 7 ทักษะ ได้แก่

1. ทักษะการสังเกต(Observation)
          คือการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุสิ่งของ
หรือเหตุการณ์อย่างมีจุประสงค์ เช่น การจะหาข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ 
โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป

 2. ทักษะการจำแนกประเภท(Classifying)
          คือ ความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของ โดยหาเกณฑ์หรือสร้างเกณฑ์
ในการแบ่งขึ้น  ส่วนใหญ่เด็กจะใช้เกณฑ์ในการจำแนกอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน 
ความแตกต่าง และความสัมพันธ์ร่วม ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้(ดังนั้นครุควรถาม
เมื่อจัดกิจกรรมทั้งนี้เพื่อให้ประเมินเด็กได้อย่างถูกต้อง) ซึ่งเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่จะเลือกใช้
เกณฑ์ 2 อย่าง คือ ความเหมือน และความต่าง เมื่อเด็กสามารถสร้างความเข้าใจ
ได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้วเด็กจึงจะจำแนกโดยใช้ความสัมพันธ์ร่วมได้

3. ทักษะการเปรียบเทียบ(Comparing)
         คือ การที่เด็กต้องอาศัยความสัมพันธ์ของวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไป 
บนพื้นฐานของคุณสมบัติที่มีลักษณะเฉพาะอย่าง เช่น เด็กสามารถบอกได้ว่าลูกบอลลูกหนึ่ง
มีขนาดเล็กกว่าลูกอีกลูกหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า เด็กเห็นความสัมพันธ์ของลูกบอล
 คือ เล็ก - ใหญ่ ความสำคัญในการเปรียบเทียบ คือ เด็กจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะ
เฉพาะของสิ่งนั้น ๆ และรู้จักคำศัพท์คณิตศาสตร์  การเปรียบเทียบนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญ
ต่อการเรียนในเรื่องการวัดและการจัดลำดับ

4. ทักษะการจัดลำดับ(Ordering)
         คือ การส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการจัดลำดับวัตถุสิ่งของ
หรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นทักษะการเปรียบขั้นสูง เพราะจะต้องอาศัยการเปรียบเทียบสิ่งของ
มากกว่าสองสิ่งหรือสองกลุ่ม การจัดลำดับในครั้งแรก ๆ ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปใน
ลักษณะการจัดกระทำกับสิ่งของสองสิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนาจนเกิดวามเข้าใจอย่างถ่องแท้
แล้วเด็กจึงจะสามารถจัดลำดับที่ยากยิ่งขึ้นได้

5. ทักษะการวัด(Measurement)
         เมื่อเด็กมีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดประเภท การเปรียบเทียบ และการจัดลำดับมาแล้ว 
เด็กจะพัฒนาความสามารถเข้าสู่เรื่องการวัดได้ ความสามารถในการวัดของเด็ก จะมีความ
สัมพันธ์กับความสามารถใสนการอนุรักษ์(ความคงที่) เช่น เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับความยาว
ของเชือกได้ว่า เชือกจะมีความยาวเท่าเดิมถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือตำแหน่งก็ตาม

6. ทักษะการนับ(Counting)
         แนวคิดเกี่ยวกับการนับจำนวน ได้แก่ การนับปากเปล่า บอกขนาดของกลุ่มที่มีขนาด
เท่ากันโดยไม่ต้องนับ  นับโดยใช้ลำดับที่นับจำนวนเพิ่มขึ้น  นับเพื่อรู้จำนวนที่มีอยู่ การจดตัวเลข  
การนับและเข้าใจความหมายของจำนวน  การใช้สัญลักษณ์แทนจำนวน ในเด็กปฐมวัยชอบ
การนับแบบท่องจำโดยไม่เข้าใจความหมาย การนับแบบท่องจำนี้จะมีความหมาย
ต่อเมื่อเชื่อมโยงกับจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียน 
นับขนมที่อยู่ในมือ แต่การนับของเด็กอาจสับสนได้หากมีการจัดเรียงสิ่งของเสียใหม่ 
เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์(จำนวน)แล้วเด็กปฐมวัยจึงจะสามารถเข้าใจเรื่องการนับ
จำนวนอย่างมีความหมาย

7. ทักษะเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงและขนาด(Sharp and Size)
         เรื่องขนาดและรูปทรงจะเกิดขึ้นกับเด็กโดยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากเด็กคุ้นเคยจากการเล่น 
การจับต้องสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุรูปทรงต่าง ๆ อยู่เสมอในแต่ละวัน  เราจึงมักจะได้ยินเด็ก
พูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรูปทรงหรือขนาดอยู่เสมอ  ครูสามารถทดสอบว่าเด็กรู้จักรูปทรง
หรือไม่ได้โดยการให้เด็กหยิบ/เลือก สิ่งของตามคำบอก เมื่อเด็กรูปจักรูปทรงพื้นฐาน
แล้วครูสามารถสอนให้เด็กรู้จักรูปทรงที่ยากขึ้นได้

         ทักษะพื้นฐานในการคิดคำนวณ สำหรับเด็กปฐมวัยอาจแบ่งได้ 3 ทักษะ
1. ทักษะในการจัดหมู่
2. ทักษะในการรวมหมู่(การเพิ่ม)
3. ทักษะในการแยกหมู่(การลด)



สาระ

     - การจัดหมวดหมู่และการแยกหมวดหมู่อยู่ในสาระเดียวกัน
     - พีชคณิต คือ ความสัมพันธ์กัน
     - การถนอมอาหารและการดูแลรักษาแตกต่างกันคือ "อาหารเป็นของธรรมชาติ" 
       ส่วน "ของใช้หรือสิ่งของเป็นวัตถุ"
     - การอ่านหนังสือของเด็กเริ่มอ่านจากซ้ายไปขวา
     - เมื่อครูให้เด็กทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อที่จะให้เด็กได้รู้ถึงความหลากหลายของการเรียนรู้
     - การวัด
     - การเปรียบเทียบ
     - การแยกประเภทของหน่วยต่างๆ สามารถทำให้เด็กได้รู้ถึงข้อมูลอย่างละเอียด

           องค์ประกอบของการเขียนแผนการเรียนรู้ มีดังนี้
     1. วันจันทร์   > ประเภท
     2. วันอังคาร  > ลักษณะ
     3. วันพุธ       > การดูแลรักษา
     4. วันพฤหัสบดี  > ประโยชน์
     5. วันศุกร์     >  ข้อควรระวัง

     ต่อมาอาจารย์ให้แต่ละกลุ่มสร้างแผนการสอนของตัวเอง กลุ่มดิฉันได้หัวข้อของ ประเภท

กิจกรรม แยกประเภทของเล่นของใช้

จุดประสงค์
    
        เด็กสามารถบอกได้ว่าไหนของเล่นไหนของใช้

ขั้นนำ 

       1. นำเด็กเข้าสู่กิจกรรมด้วยเพลง ของเล่นของใช้

ขั้นสอน

        2. ครูถามเด็กว่า เด็กๆรู้จักของเล่นของใช้อะไรในเพลงบ้าง และนอกจากเพลงนี้
            เด็กๆรู้ไหมว่ามีของเล่นของใช้อะไรบ้าง (ให้เด็กๆตอบประสบการณ์เดิม)
        3. ครูนำสื่อของจริง ของเล่นของใช้มาให้เด็กดูทีละอย่างและอธิบายว่ามันคืออะไร
        4. ครูแจกของเล่นของใช้ให้เด็กคนละ 1 ชิ้น โดยให้เด็กนับไปด้วยเมื่อครูแจกของ
            ให้กับคนที่ 1 แล้วให้เด็กๆนับตามจำนวน  ไปจนถึงคนสุดท้าย แล้วครูสรุปว่าของเล่น
            ของใช้มีทั้งหมด 15 ชิ้น
        5. ครูให้เด็กสำรวจของเล่นของใช้ที่ตนเองได้ และให้เด็กๆแยกประเภทว่าของที่ตนเอง
            ได้เป็นของเล่นหรือของใช้ แล้วให้เด็กนำมาวางไว้ที่ตะกร้าหน้าห้องให้ถูกต้อง 

ขั้นสรุป
  
        6. เด็กออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนว่าของเล่นของใช้ของตนเองคืออะไร เป็นแบบไหน


ทักษะ
    
     - ทักษะการคิดวิเคราะห์
     
     - ทักษะการใช้เหตุผล

     - ทักษะการสังเกต

     - ทักษะการเขียน

     - ทักษะการเชื่อมโยง

     - ทักษะการพูด การตอบคำถาม


การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
     - การเขียนแผนสามารถนำวิธีการเขียนในวันนี้ไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ
       ในรายวิชาอื่นๆ และนำไปเป็นแบบอย่างการเขียนในอนาคตได้
     - การเขียนแผนหรือการทำกิจกรรมสามารถนำไปบูรณาการให้กับเด็กได้หลากหลายวิธี
     - ความรู้ของการเขียนแผนที่ครูให้เพิ่มเติมมา สามารถจดจำและไปใช้ในการเรียนการสอนได้



เทคนิคการสอนของอาจารย์
     - อาจารย์สอนโดยการให้ข้อคิดกับข้อเสนอแนะกับนักศึกษา
     - อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นหรือถามได้เมื่อไม่เข้าใจ
     - อาจารย์อธิบายเนื้อหาการสอนได้ละเอียดและเข้าใจ


ประเมินอาจารย์ผู้สอน
     อาจารย์เตรียมเนื้อหาการสอนมาได้พร้อมและตั้งใจสอนเป็นอย่างมาก สอนโดยการใช้เหตุผล
และให้คำแนะนำ ให้ข้อมูลต่างๆอย่างครบถ้วน